นายชลิต ศิลป์ศรีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ กล่าวว่า หลักการในกลุ่มการเงินในการให้สินเชื่อยังคงดำเนินการเหมือนกับการให้สินเชื่อเช่าซื้อทั่วไป แต่ไม่สามารถนำไปตอบแทนกับการเงินอื่นได้ เพราะแต่ล่ะช่วงมีการให้บริการจัดการที่แตกต่างกันไป ส่วนเครดิตบูโรทุกสถาบันการเงินคงต้องปฏิบัติอยู่แล้ว สำหรับทิสโก้ยังใช้มาตรการให้สินเชื่อแบบเดิม คือ เช็คเครดิตบูโร ดูการทำงานในการชำระหนี้ รวมไปถึง สภาพตลาดและเศรษฐกิจกับปัจจัยที่มีผลกระทบต่างๆ หากพบว่าเครดิตลูกค้าไม่ดีก็จะเร่งเพิ่ม 5% เพื่อป้องกันความเสี่ยงในระดับหนึ่งเท่านั้น
ส่วนทางด้านเต็นท์รถมือสอง ถือเป็นตลาดที่น่าเป็นห่วง แต่ยังดีที่มีเวลาในการปรับตัวเพื่อระบายรถยนต์มือสองที่อยู่ในสต็อกออกไปให้ได้อาจจะต้องยอมขาดกำไรบ้าง เพื่อให้ธุรกิจนั้นเดินต่อไป เข้าตาสำหรับผู้ที่อยากได้รถมือสองในตอนนี้ซึ่งราคารถยนต์ในเต้นได้ถูกปรับลงเยอะพอสมควร รถกระบะจะปรับลงถึง 9,000 – 60,000 บาท ส่วนรถเก๋งมือสองปรับลง 40,000 – 100,000 บาท หากราคารถมือสองยังคงอยู่ใกล้กับรถป้ายแดงก็คงหมดโอกาสในการทำธุรกิจต่อ ส่วนลูกค้าที่ผ่อนรถมือสองอยู่อาจจะได้ผลกระทบ ถ้าปล่อยให้ตัวเองเป็นหนี้หรือให้รถโดนยึด เพราะเมื่อไฟแนนซ์นำรถโยนไปในเต้นก็คงขาดทุน และมีคงมีการฟ้องหนี้ส่วนที่เหลือคืน เพราะจาก 2ปี ที่ผ่านมารถมือสองได้มีราคาปรับเพิ่ม 10-15% ทำให้ไฟแนนซ์มีเวลายึดเร็วเพื่อนำรถโยนสู่ตลาดก็จะได้ราคาใกล้กับหนี้ที่ค้างพอดี ไฟแนนซ์จึงไม่ต้องฟ้องลูกหนี้
โดยปัจจุบันบริษัทมีหนี้เสียอยู่ประมาณ 1.2-1.3%" นายโกวิท แหล่งข่าวจากธุรกิจเช่าซื้อ กล่าวว่า หากยึดรถมาขายทอดตลาดแล้ว มีหนี้ค้างประมาณ 2-3 หมื่นบาท บริษัทเช่าซื้อส่วนใหญ่จะไม่ค่อยฟ้องร้องเรียกหนี้ส่วนที่เหลือคืน เนื่องจากไม่คุ้มกับค่าดำเนินการ ส่วนธนาคารพาณิชย์อยู่ประมาณ 2-5 หมื่นบาท ถึงไม่ฟ้องร้อง แต่ใช้วิธีขายหนี้ให้ผู้ที่ซื้อหนี้ไปตามหนี้แทน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น